การมาศึกษา ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส
1. ข้อมูลทั่วๆ ไปของประเทศ
ด้านประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ประเทศฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (République Française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L’Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย
ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้นๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่ 547,030 ตารางกิโลเมตร (211,209 ตารางไมล์= ขนาดประเทศใกล้เคียงประเทศไทย) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งใหญ่กว่าประเทศสเปนเพียงนิดเดียว ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราลทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาปีเรเนส์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงต์บล็องก์ หรือ มองต์บลังก์ (Mont Blanc) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปยังมีแม่น้ำต่างๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์ แม่น้ำการอนน์ แม่น้ำแซนและแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราลออกจากเทือกเขาแอลป์อีกด้วย โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งจังหวัดและดินแดนโพ้นทะเล (ไม่รวมดินแดนอาเดลี) คือ 674,843 ตารางกิโลเมตร (260,558 ตารางไมล์) นับเป็น 0.45% ของพื้นแผ่นดินโลกทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามประเทศฝรั่งเศสครอบครองพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะเป็นอันดับสองของโลก ด้วยเนื้อที่ 11,035,000 ตารางกิโลเมตร (4,260,000 ตารางไมล์) นับเป็น 8% ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะทั้งหมดในโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา ไปเพียง 316,000 ตารางกิโลเมตร และนำประเทศออสเตรเลียกว่า 2,886,750 ตารางกิโลเมตร
ด้านการเมือง สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยว มีประธานาธิบดีเป็นประมุข รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501 โดยผ่านการลงประชามติ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญนั้นคือการเพิ่มอำนาจประธานาธิบดี อำนาจฝ่ายบริหารนั้นถูกแบ่งออกและมีหัวหน้า 2 คน ซึ่งก็คือประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ผ่านการเลือกตั้งโดยตรงแบบสากล มีวาระ 5 ปี (เดิม 7 ปี) มีตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอีกด้วย และนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
รัฐสภาฝรั่งเศสนั้นแบ่งออกเป็น 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (Assemblée Nationale) และ วุฒิสภา (Sénat) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 5 ปี สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีและเสียงข้างมากในสภาสามารถกำหนดการตัดสินใจของรัฐบาลอีกด้วย สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกของคณะผู้เลือกตั้ง มีวาระ 6 ปี (เดิม 9 ปี)
ด้านเศรษฐกิจ ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ประเภทของอุตสาหกรรมที่เป็นที่มาของความสำเร็จดังกล่าว ได้แก่ อุตสาหกรรมทางด้านการขนส่ง โทรคมนาคม อุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยา รวมไปถึงภาคธนาคาร การประกันภัย การท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือย (เครื่องหนัง เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำหอมและเหล้า) และนับเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกทางด้านสินค้าทุน (ส่วนมากจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์) และเป็นอันดับ 2 ในส่วนของภาคบริการและทางด้านเกษตรกรรม (โดยเฉพาะธัญพืชและอุตสาหกรรมอาหาร) ส่วนในระดับภูมิภาคยุโรป ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าการเกษตรรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ สัดส่วนการค้าระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคิดเป็นร้อยละ 70 (ร้อยละ 50 เฉพาะประเทศในโซนยูโร)
2. เหตุผลการเลือกศึกษาต่อ ณ ประเทศฝรั่งเศส
2.1 ภาพรวมระบบการศึกษา
ระบบการศึกษาของฝรั่งเศสแตกต่างจากระบบการศึกษาของประเทศไทย เนื่องจากฝรั่งเศสให้ความสำคัญต่อคติประจำชาติคือ “เสรีภาพ การเสมอภาค และภราดรภาพ” ทำให้ระบบการศึกษาของฝรั่งเศสยึดหลักความเสมอภาค และเสรีภาพเป็นหลักเช่นกัน เช่น การได้โอกาสทางการศึกษาโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียนในระดับการศึกษาภาคบังคับ ( 6- 16ปี ) ศึกษาในโรงเรียนของรัฐ โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าว ก็ถือเป็นความเสมอภาคทางการศึกษาเช่นกันโดยรัฐมอบให้แก่ทุกๆคนที่อยู่ในฝรั่งเศสแม้กระทั่งนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งแตกต่างจากระบบของสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย หรือ สหราชอาณาจักร ฯลฯ ที่ให้สิทธิ์ดังกล่าวแก่พลเรือนของตนเองก่อน และมีความแตกต่างในเรื่องอัตราค่าใช้จ่ายอย่างมากหากเป็นนักศึกษาต่างชาติเป็นต้น
ตามหลักเกณฑ์ระบบการศึกษาของฝรั่งเศสทั่วไปกำหนดว่า
- 1.) มีความเท่าเทียมกันทางโอกาสทางการศึกษา
- 2.) การไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ผิวพรรณ และฐานะทางสังคม
- 3.) มีสถานะเป็นกลาง และ
- 4.) ความไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดๆ
ในระดับอุดมศึกษา ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญแก่นโยบายทางการศึกษาซึ่งกำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสว่า การบัญญัติ และการจัดตั้งระดับการศึกษา และปริญญาบัตร ถือว่าเป็นหน้าที่ของสาธารณรัฐ โดยกฎหมายกำหนดให้มหาวิทยาลัยเรียกเก็บค่าเล่าเรียนในจำนวนที่ต่ำมาก ( ประมาณ 150-350 ยูโร แล้วแต่ระดับการศึกษา)
ระดับอุดมศึกษาในประเทศฝรั่งเศสมีภาพรวมของระบบ ดังนี้
2.2 ระบบการให้ปริญญาของประเทศฝรั่งเศส และระยะเวลาที่ใช้
***********
DOCTORAT -ระดับปริญญาเอกทางแพทยศาสตร์
|
ระดับปริญญาเอก
|
MASTER- - ระดับปริญญาโท (MASTER 1 + MASTER 2 ) + 5 Years หรือ 10 semesters / 300 ECTS ระดับปริญญาโท ใช้เวลาศึกษารวม 5 ปี นับตั้งแต่จบการศึกษามัธยม 6 ศึกษา 10 ภาคเรียน นับตั้งแต่จบการศึกษามัธยม 6 จำนวน 300 หน่วยกิต
|
ระดับปริญญาโท
Research Master / Professional Master
|
LICENCE - ระดับปริญญาตรี L 2 + 2 Years หรือ 4 semesters / 120 ECTS
|
ระดับปริญญาตรี -Licence / Licence professionnelle ( professional bachelor)
|
***********
2.3 จุดเด่นและข้อดีของการไปศึกษา ณ ประเทศฝรั่งเศส
*ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศสระบุว่ามีนักศึกษาลงทะเบียนศึกษาในระดับอุดมศึกษามากกว่า 2 ล้านคนใน 1 ปีการศึกษา ในจำนวนนี้มีกว่า 250,000 คน เป็นนักศึกษาต่างชาติ โดยมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากเป็นอันดับ 3 รองจาก สหรัฐ และสหราชอาณาจักร ส่วนมาก เป็นนักศึกษาจากอังกฤษ และเยอรมนี กว่า ร้อยละ 30 นอกจากนี้ ปัจจุบันอัตราส่วนของนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะจากเอเชีย ได้แก่ จีน เกาหลี และประเทศกลุ่มอาเชีย ก็มีอัตราเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมีศักยภาพและความมีชื่อเสียงของสถาบันการศึกษา ระบบการเรียนการสอน การทำวิจัย และสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาที่ได้รับการยอมรับ
* มีความโดดเด่นด้านการทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลากหลายสาขา เช่น Space, Transportation, Argriculture, Agricultural Industry, Nanotechnology, Chemistry, Electronics, Mathematics, Engineering, Biotechnology, Health Sciences, Telecommunications เป็นต้น
* มีประวัติศาสตร์และโดดเด่นในการศึกษาด้านสังคมศาสตร์หลากหลายสาขา เช่น กฎหมาย รัฐศาสตร์ การปกครอง และการท่องเที่ยว เป็นต้น
* มีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เกี่ยวกับการศึกษาด้านศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่นในระดับสากลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
* เป็นประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกที่มีบริษัทลงทุนข้ามชาติที่ไปลงทุนที่ประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งสามารถส่งเสริมศักยภาพด้านการศึกษา และ การทำงานในอนาคต ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งมีชื่อเสียงเก่าแก่ เช่น มหาวิทยาลัย Sorbonne ที่จัดตั้งในปี คศ. 1257 และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น มหาวิทยาลัย Nice-Sophia-Antipolis
* ความหลากหลายของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีมากกว่า 3,500 แห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลฝรั่งเศส และมีชื่อเสียงระดับนานาชาติด้านการทำวิจัยมีสาขาที่จะทำวิจัยกว่า 60,000 สาขา มีภาควิชาในระดับปริญญาเอกกว่า 300 ภาควิชา มีหลักสูตรการแลกเปลี่ยนนานาชาติทั้งด้านการศึกษาและการทำวิจัยในทุกระดับการศึกษา
* มีมหาวิทยาลัยจำนวน 88 แห่ง สถาบันด้านบริหารธุรกิจและการจัดการกว่า 200 แห่ง สถาบันด้านศิลปะกว่า 120 แห่ง สถาบันด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ 20 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีสถาบันด้านวิชาเฉพาะด้าน เช่น Social work, Medical Specialties, Tourism, Fashion&Design เป็นต้น อีกประมาณ 3,000 แห่ง ทั่วประเทศ
* รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ โดยสนับสนุนด้านค่าเล่าเรียนประมาณคนละ 15,000 ยูโร/ปี ซึ่งรวมถึงนักศึกษาต่างชาติที่ได้สิทธิ์นี้ด้วย
* ความเท่าเทียมกันเมื่อเทียบกับนักศึกษาฝรั่งเศสเกี่ยวกับสิทธิ์ด้านการช่วยเหลือค่าเล่าเรียนและค่าที่พักจากรัฐบาลฝรั่งเศส
* มีระบบ ECTS ( European Credit Transfer System) ในกลุ่มประเทศ EU ซึ่งสามารถโอนหน่วยกิต หรือ ระยะเวลาที่นักศึกษาได้ใช้ไปแล้วในระดับอุดมศึกษา
* มีมาตรฐานด้านค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก มีความปลอดภัย การคมนาคมสะดวก ภาษาฝรั่งเศสที่สามารถใช้ได้หลากหลายประเทศ
* มีหน่วยงานราชการของทั้งประเทศไทย (สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในประเทศฝรั่งเศส) รวมทั้งหน่วยงานของฝรั่งเศส( Campus France) ให้คำแนะนำปรึกษา ดูแลการศึกษาทั้งก่อนเดินทางมาศึกษา และระหว่างการศึกษา
* มีสมาคมคนไทยที่สามารถให้คำแนะนำทั้งก่อนไปศึกษา หรือ ความช่วยเหลือระหว่างศึกษา เช่น สมาคมนักเรียนเก่าฝรั่งเศส และสมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศส(สนทฝ.) เป็นต้น
* มีสถาบันภาษาที่มีมาตรฐานเตรียมความพร้อมในประเทศไทย(Alliance Française) และในประเทศฝรั่งเศสอีกจำนวนมาก
* ฯลฯ