การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “Practical Innovative Leaders : What Got You Here May Not Get You There” สำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า
เมื่อวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 สำนักงาน ก.พ. โดยสถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน (สพข.) ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “Practical Innovative Leaders : What Got You Here May Not Get You There” สำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 16 ท่าน ณ ห้องดอกรัก โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก และได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “หัวหน้าส่วนราชการ : ความคาดหวัง แผนปฏิรูป และประเทศไทย 4.0” โดยมีเลขาธิการ ก.พ. (นางเมธินี เทพมณี) เป็นผู้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการสัมมนา ซึ่งกำหนดจัดดำเนินการรวม 6 ครั้ง ภายใต้ Theme ใหญ่ที่มีชื่อว่า Practical Innovative Leaders หมายถึง ผู้นำองค์กรที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่น (Passion) ในการขับเคลื่อนประเทศไทยตามแผนปฏิรูปประเทศและประเทศไทย 4.0 รวมทั้งเสริมสร้างกรอบความคิด (Mindset) ในการทำงานให้มีการสอดประสานบูรณาการกัน
การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็น Orientation สำหรับ “ปลัดกระทรวงใหม่” เพื่อให้ได้รับรู้เกี่ยวกับบทบาทในฐานะหัวหน้าองค์กร ความท้าทาย และความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปจากฝ่ายรัฐบาลโดยท่านรองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งรับฟังแนวทางการปรับตัวและการทำงานผ่านการเสวนาในหัวข้อเรื่อง “เปิดเคล็ดลับฉบับผู้นำ : การปรับตัวเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งใหม่” จากผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ 3 ท่าน ได้แก่ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) นายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธานกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ (อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย) และ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกา (อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง) ซึ่งมาร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ คำแนะนำ และตอบคำถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดา “ปลัดกระทรวงใหม่” โดยมีเลขาธิการ ก.พ. เป็นผู้ดำเนินการเสวนาในบรรยากาศเป็นกันเอง แบบรุ่นพี่พูดคุยกับรุ่นน้อง ทั้งนี้ รองเลขาธิการ ก.พ. (นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์) และที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ 2 ท่าน จากสำนักงาน ก.พ.ร. ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์กิจกรรมดังกล่าวด้วย
ในช่วงแรก รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้กล่าวและมอบสารแสดงความยินดีกับปลัดกระทรวงใหม่ที่เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน โดยเริ่มต้นจุดประกายว่าการได้มาซึ่งอำนาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่การรักษาอำนาจเป็นเรื่องที่ยากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับ Theme ของการสัมมนา คือ What Got You Here May Not Get You There ผู้ที่เป็นปลัดกระทรวงจะต้องมีคุณลักษณะ 2 ประการ คือ เป็น CEO และบูรณาการเป็น หมายถึงต้องปกครองดูแลคนและทำงานร่วมกับทุกกรมได้ โดยส่วนใหญ่สามารถบูรณาการกันได้ แต่การเป็น CEO ทำไม่สำเร็จเพราะไม่ได้เป็นวัฒนธรรมและกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจความเป็น CEO เหมือนภาคเอกชน อย่างไรก็ดี สิ่งที่รัฐบาลสิ่งที่รัฐบาลคาดหวังให้มีความรู้และความเข้าใจ ได้แก่ “ประเทศไทย 4.0” “การปฏิรูปประเทศ” “ยุทธศาสตร์ชาติ” “Start-up” “Application” “Digital Government” “นวัตกรรม” “ธรรมาภิบาล” “บูรณาการ” รวมทั้งคำอื่น ๆ ที่อาจมีเพิ่มเติมเป็นระยะ ซึ่งปัจจุบันเหมือนจะกลายเป็น Job Description ของปลัดกระทรวงไปแล้ว โดยท่านได้ยกตัวอย่างของการนำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไปใช้ในการทำงานของปลัดกระทรวง และที่สำคัญจะต้องทำทั้งงานตามภารกิจ (Function) งานตามพื้นที่ (Area) คือการทำงานภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่ทั้งในแง่อำนาจ งบประมาณ ทรัพยากร สภาพแวดล้อม เป็นต้น และงานตามวาระ (Agenda) คือการทำในสิ่งที่ในกระทรวงไม่เคยทำและต้องทำเป็นวาระพิเศษ เช่น ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องทำเรื่องการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นต้น และท่านได้ทิ้งท้าย 3 เรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ความสำคัญ คือ (1) กฎหมาย เพราะกระทรวงต้องเป็นตัวหลักในการออกกฎหมาย (2) การสร้างการรับรู้และความเข้าใจ รวมถึงการให้ข่าวต่าง ๆ และ (3) การนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงาน
สำหรับช่วงที่ 2 ซึ่งเป็นการเสวนานั้น นายพงศ์โพยมฯ ได้ให้ข้อคิดว่าในช่วง 90 วันแรกของการดำรงตำแหน่งถือเป็นช่วงที่สำคัญ ถ้าเห็นอะไรที่อยากเปลี่ยนแปลง ให้รีบจดไว้เพราะนานไปจะเกิดความคุ้นเคยและทำให้นิ่งเฉยกับสิ่งที่ต้องการเปลี่ยน อีกทั้งจะต้องเปลี่ยนแปลงด้วยความระมัดระวังและใช้สติปัญญาสูง ท่านได้ชี้แนะ 3 เรื่องที่สำคัญ คือ (1) ปัญหาและความต้องการของประชาชน (2) ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประกาศใช้ในปี 2560 ซึ่งต้องสังเคราะห์และศึกษาให้ดีในการปฏิบัติ (3) การทำงานกับระบบการเมืองใหม่ ซึ่งจะแตกต่างจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มี คสช. อย่างไรก็ตามท่านได้ให้แนวทางการทำงานหลายเรื่องด้วยกัน อาทิ การตั้งใจสนองนโยบายด้วยความสุจริตใจ และการทำงานที่ไม่ขัดต่อระเบียบกฎหมาย การรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติในเวทีภูมิภาค การทำงานท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Disruptive Technology) การปรับ Mindset ในการทำงาน ควรเปลี่ยนบทบาทจาก Doer เป็น Supporter, Facilitator, Tutor การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-Centric) การทำงานด้วยความโปร่งใส (Transparency & Anti-Corruption) การทำงานแบบ Small and Smart Government โดยลดคนลง เพิ่มการ Outsource และใช้ดิจิทัลในการทำงานให้มากขึ้น การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในราชการ การทำงานเพื่อตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 และที่สำคัญคือต้องรู้จักดูแลตัวเอง (Work-life Balance) นอกจากนี้ ท่านยังมองเห็นว่าร้อยละ 80-90 ของปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยภาวะผู้นำ ผู้นำต้องเป็นผู้ตัดสินใจและแก้ไขปัญหา ต้องรู้อำนาจหน้าที่ของตนเอง เป็น Buffer ระหว่างอธิบดีกรมต่าง ๆ ต้องรู้จักสร้างผลงาน สร้างระบบงาน และสร้างคน และควรจัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการเพื่อให้งานดำเนินไปได้
พล.ต.อ. อดุลย์ฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้นำมีบทบาทที่สำคัญยิ่งดังนั้น ผู้ที่เป็นผู้นำจึงต้องมีความสามารถ ต้องรู้จักวางแผน มีกลยุทธ์ และมีวินัย ท่านได้ถ่ายทอดประสบการณ์การเป็นผู้นำของท่าน โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่มีเจ้าภาพในการปฏิบัติ ท่านได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ส่วนตัวเพื่อช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการและตามงานได้ทัน อีกทั้งได้ให้ข้อคิดว่าผู้บริหารสูงสุดต้องเป็นเอกภาพ และใช้ความแข็งแกร่งของเอกภาพจากข้างบนดันข้างล่าง ต้องสร้างความพอใจ และบูรณาการทุกภาคส่วนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณคนและไม่ลืมคนที่ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ นอกจากนี้จะต้องทำงานอย่างมีเป้าหมาย เข้มแต่ไม่เครียด ต้องรู้จักสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม บริหารเวลาให้ครบทั้งด้านการทำงาน สุขภาพ สังคม และครอบครัว
นายอารีพงศ์ฯ ได้ให้ความสำคัญกับการมีวิสัยทัศน์ นโยบายเป้าหมายที่ชัดเจนและต้องตอบสนองประชาชน โดยทุกกรมจะต้องเข้าใจตรงกันและทำงานประสานสอดคล้องกันให้ได้ ปลัดกระทรวงควรจะต้องมีตา คือมีผู้ตรวจราชการเป็นผู้ช่วย โดยปลัดกระทรวงยังคงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และต้องคอยกำกับการดำเนินงานโดยการรับฟังจากการประชุมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้จะต้องทำดีที่สุดเพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง
การสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ปลัดกระทรวงที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ได้รับรู้และเข้าใจถึงประเด็นสำคัญของแผนปฏิรูปและประเทศไทย 4.0 ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการ ตลอดจนความคาดหวังจากรัฐบาลที่ตรงกันแล้ว ยังได้รับทราบเคล็ดลับในการเป็นผู้นำจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ตรงของภาคราชการอีกหลายประเด็น พร้อมด้วย “Toolkit” ที่ระลึกสำหรับการสัมมนา ประกอบด้วย
- หนังสือพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
- สารแสดงความยินดีจากท่านรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ส่งถึงปลัดกระทรวงใหม่แต่ละท่านโดยตรง
- หนังสือ What Got You Here Won’t Get You There โดย Marshall Goldsmith
- สรุปย่อจากหนังสือ The First 90 Days (Michael D. Watkins) สรุปโดย นายเกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย
- สมุดบันทึกพร้อมคำคมสำหรับนักบริหาร The Leader’s Story
- กำหนดการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ Practical Innovative Leaders : What Got You Here May Not Get You There วันที่ 22 พ.ย. 2560
- กำหนดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ Practical Innovative Leaders สำหรับหัวหน้าส่วนราชการในภาพรวมตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
- ปากกา
- แบบประเมินการจัดสัมมนาฯ ในวันที่ 22 พ.ย. 2560
- แบบสำรวจความต้องการในการพัฒนาและข้อเสนอแนะเพื่อออกแบบหลักสูตรสำหรับหัวหน้าส่วนราชการในครั้งต่อ ๆ ไป
- วิธีการและช่องทางการติดตามข่าวสารการสัมมนา Practical Innovative Leaders ทั้ง 3 ช่องทาง คือ
- www.ocsc.go.th/rsr (เข้าถึงได้โดยทั่วไป)
- http://learn.ocsc.go.th ภายใต้หัวข้อ “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการสำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า (Practical Innovative Leaders)” (เฉพาะปลัดกระทรวงใหม่ทั้ง 16 ท่าน)
- Application “Moodle Mobile” ภายใต้หัวข้อ “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการสำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า (Practical Innovative Leaders)” (เฉพาะปลัดกระทรวงใหม่ทั้ง 16 ท่าน)
การสัมมนาในหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้นำองค์กรนี้ ยังคงมีภาคต่อไปตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ส่วนครั้งต่อไปจะเป็น Theme เรื่องใดนั้น สามารถติดตามได้จากหน้าข่าวรายวันหรือรับข้อมูลผ่านทาง www.ocsc.go.th/rsr กันนะครับ!